โรคไตกับการเปลี่ยนแปลงทางผิวหนัง

สถานการณ์ผู้ป่วยโลกไตในปัจจุบัน พบว่าทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคไตเพิ่มขึ้นจำนวนมาก แต่ที่น่าสนใจ คือ ผู้ป่วยโรคไตส่วนใหญ่มักจะมีอาการคันผิวหนังหรือมีปัญหาโรคผิวหนังบ่อยมาก

โรคไตเกิดจากอะไร ?
โรคไต เกิดจากไตมีทำงานผิดปกติตกอยู่ในภาวะที่ไตไม่สามารถขับถ่ายของเสียออกมาได้ ทำให้เกิดการคั่งค้างตกค้างของของเสียอยู่ในกระเสียเลือด ซึ่งหากไม่รีบทำการรักษาปล่อยไว้นาน จะเข้าสู่ภาวะไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย

ผู้ป่วยโรคไต ทำไมถึงคันเรื้อรัง ?
ในช่วงโรคไตระยะสุดท้ายผิวหนังของผู้ป่วยมักจะเปลี่ยนแปลง เช่น หากเป็นเบาหวานมาก่อนจะเป็นโรคไต ผู้ป่วยจะะมีผื่นขึ้นที่หน้าแข้ง มีซอกคอดำ ถ้าติดเชื้อ HIV แล้วไปเป็นโรคไต จะมีอาการเหมือนผู้ป่วยโรคเอดส์ หรือการเปลี่ยนแปลงทางผิวหนังจากอาการยูรีเมีย ซึ่งเกิดจากการที่ผู้ป่วยโรคไตวายกำลังมีอาการของเสียจำพวกไนโตรเจนคั่งอยู่ในเลือด จึงทำให้มีอาการคันมากๆ และผิวแห้ง นอกจากนี้แต่การเปลี่ยนแปลงทางผิวหนังอาจจะเกิดจากการผ่าตัดเปลี่ยนไต ซึ่งเป็นผลมาจากผลข้างเคียงของยา เกิดภาวะภูมิต้านทานต่ำ มักจะทำให้เป็นเริม งูสวัดกำเริบ ติดเชื้อแบคทีเรีย ติดเชื้อรา จะเป็นมะเร็งผิวหนังง่ายกว่าคนปกติ

สำหรับอาการคันของผู้ป่วยพบได้บ่อยมาก ได้แก่
– ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังมักจะมีอาการคันถึงร้อยละ 15-49
– ผู้ป่วยที่ล้างไตร้อยละ 50-90 อาการคันจะเป็นช่วงคงที่
ในการรักษาอาการคันผิวหนังเบื้องต้นสำหรับผู้ป่วยโรคไต คือ การทาครีมที่ผิวหนังเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดความแห้งของผิว หรือในทางการแพทย์ก็จะเน้นเพิ่มประสิทธิภาพของการฟอกไต ปรับระดับของแคลเซียม ฟอสเฟต ให้ปกติ ในบางครั้งอาจจะให้ยาแก้แพ้ร่วมด้วย นอกจากนี้จะมีการอบซาวน่าอาจลดอาการคันลงได้ชั่วคราว ในรายที่เป็นมากแพทย์อาจพิจารณาใช้การฉายแสงรังสียูวีบี และใช้การผ่าตัดต่อมพาราไทรอยด์ออก ใครเริ่มมีอาการคันบ่อย ๆ ไปพบแพทย์ได้เลย ถึงจะไม่ได้ป่วยก็ควรไปเพื่อความสบายใจ คันขนาดนี้ต้องรีบไปปรึกษาแพทย์แล้ว